M42 ในกลุ่มดาวนายพราน (Orion) เป็นตัวอย่างหนึ่งของ Solar Nebular ที่กำลังก่อตัวเป็นระบบสุริยะอีกระบบหนึ่งในอนาคตอีกหลายล้านปีข้างหน้า
http://www.darasart.com/solarsystem/main.htm
ทฤษฎีการกำเนิดของระบบสุริยะ
หลักฐานที่สำคัญของการกำเนิดของระบบสุริยะก็คือ การเรียงตัว และการเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบระเบียบของดาวเคราะห์ ดวงจันทร์บริวาร ของดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย ที่แสดงให้เห็นว่าเทหวัตถุทั้งมวลบนฟ้า นั้นเป็นของระบบสุริยะ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เทหวัตถุท้องฟ้า หลายพันดวง จะมีระบบโดยบังเอิญโดยมิได้มีจุดกำเนิด ร่วมกัน
Piere Simon Laplace ได้เสนอทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบสุริยะไว้เมื่อปี ค.ศ.1796 กล่าวว่า ในระบบสุริยะจะมีมวลของก๊าซรูปร่างเป็นจานแบนๆ ขนาดมหึมาที่เรียกว่า protoplanetary disks หมุนรอบ ตัวเองอยู่ ในขณะที่หมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลง เพราะแรงดึงดูดของมวลก๊าซ ซึ่งจะทำให้ อัตราการหมุนรอบตัวเองนั้นมีความเร็วสูงขึ้น เพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงมุม (Angular Momentum) ในที่สุด เมื่อความเร็ว มีอัตราสูงขึ้น จนกระทั่งแรงหนีศูนย์กลางที่ขอบของกลุ่มก๊าซมีมากกว่าแรงดึงดูด ก็จะทำให้เกิดมีวงแหวน ของกลุ่มก๊าซแยกตัวออกไปจากศุนย์กลางของกลุ่มก๊าซเดิม และเมื่อเกิดการหดตัวอีกก็จะมีวงแหวนของกลุ่มก๊าซเพิ่มขึ้นๆต่อไปเรื่อยๆ วงแหวนที่แยกตัวไปจากศูนย์กลางของวงแหวนแต่ละวงจะมีความกว้างไม่เท่ากัน ตรงบริเวณที่มีความหนาแน่นมากที่สุดของวง จะคอยดึงวัตถุทั้งหมดในวงแหวน มารวมกันแล้วกลั่นตัว เป็นดาวเคราะห์ ส่วนดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ จะเกิดขึ้นจากการหดตัวของดาวเคราะห์ สำหรับดาวหาง และสะเก็ดดาวนั้น เกิดขึ้นจากเศษหลงเหลือระหว่าง การเกิดของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ดังนั้น ดวงอาทิตย์ในปัจจุบันก็คือ มวลก๊าซดั้งเดิมที่ทำให้เกิดระบบสุริยะขึ้นมานั่นเอง
วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
วอยเอเจอร์ 1 ไปถึงขอบระบบสุริยะแล้ว
วอยเอเจอร์ 1 ไปถึงขอบระบบสุริยะแล้ว
ยานวอยเอเจอร์ 1 ของนาซา กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง ตามรายงานจากคณะนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์กล่าวว่า ขณะนี้มีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่ายานได้เดินทางไปถึงขอบเขตของลมสุริยะแล้ว นั่นหมายถึงยานกำลังจะเข้าสู่อาณาเขตของอวกาศระหว่างดาวอย่างแท้จริง
สิ่งบอกเหตุว่ายานได้พ้นเขตระบบสุริยะคือความเร็วของลมสุริยะรอบยานได้ลดลงอย่างฉับพลันจากกว่า 1,100,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเหลือเพียงไม่ถึง 160,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอาจหมายถึงการเข้าสู่บริเวณ ๆ หนึ่งเรียกว่า กำแพงกระแทก (termination shock) ซึ่งเป็นกำแพงกั้นเขตสุดอิทธิพลของลมสุริยะ บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิดลำอนุภาคพลังงานสูง การที่ยานได้ผ่านกำแพงนี้ไปได้ก็หมายความว่านักดาราศาสตร์สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกระบบสุริยะโดยตรงเป็นครั้งแรก
ภาพภายนอกของระบบสุริยะ เส้นโค้งสีเหลืองคือบาวช็อก กระเปาะสีฟ้าคือฝักสุริยะ (heliosheath) ซึ่งห่อหุ้มระบบสุริยะอยู่ ภาพจาก (NASA/Walt Feimer)
http://thaiastro.nectec.or.th/news/2003/news2003nov03.html
วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556
การเกิดระบบสุริยะ
http://thaiastro.nectec.or.th/news/2003/news2003nov03.html
การเกิดระบบสุริยะจักรวาล
ระบบสุริยะจักรวาลเกิดจากการหดตัวของกลุ่มก๊าซและฝุ่นภายใต้ความโน้มถ่วงของดาวระเบิดมีลักษณะหมุนเร็วขึ้นและมีการหมุนเป็นรูปวงรี โดยมีจุดศูนย์กลางคือดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่มีแสงสว่างในตัวเอง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.4 ล้านกิโลเมตร โดยดวงอาทิตย์เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊าซ ไฮโดรเจนและฮีเลียม มีอุณหภูมิและความดันสูงมาก
องค์ประกอบ
ดาวเคราะห์ทั้ง 9 ดวง
http://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?ID=44891
องค์ประกอบระบบสุริยะจักรวาล
ระบบสุริยะจักรวาล ประกอบด้วย
1. ดาวฤกษ์ เป็นดาวที่มีแสงสว่างในตัวเอง เกิดจากก๊าซที่มีการระเบิดอยู่ตลอกเวลา ให้พลังงานแสง และพลังงานความร้อน ได้แก่ ดวงอาทิตย์ กลุ่มดาวจักราศี ดาวเหนือ
2. ดาวเคราะห์ เป็นดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ต้องอาศัยแสง และพลังงานจากดวงอาทิตย์ โดยดาวฤกษ์จะมีทั้งหมด 9 ดวง จึงเรียกว่า “ ดาวพระเคราะห์”
ประกอบด้วย
ดาวพุธ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดจึงร้อนที่สุด ไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4850 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 57.6 ล้านกิโลเมตร
ดาวศุกร์ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เป็นอันดับ 2 และมีสว่างมากที่สุดในยามค่ำคืนจึงเรียกดาวศุกร์ว่า “ ดาวประจำเมือง” ในช่วงเช้ามือ เราเรียกว่า “ ดาวประกายพรึก”ไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12032 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 107.52 ล้านกิโลเมตร
โลก เป็นดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิต และมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 1 ดวง อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เป็นอันดับ 3 มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12739 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 148.80 ล้านกิโลเมตร
ดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 4 มีลักษณะใกล้เคียงกับโลก มีน้ำแข็งปกคลุมทั่วทั้งหมด มีไอน้ำ กลางวันดาวอังคารจะเย็นกว่าโลก เพราะอยู่ไกลดวงอาทิตย์มากกว่า ส่วนกลางคืนก็เย็นจัดกว่าโลก ดาวอังคารมีบริวาร 2 ดวง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6755 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 225.60 ล้านกิโลเมตร
ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่และหนักกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 5 ประกอบด้วยกลุ่มก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียม มีดวงจันทร์ถึง 16 ดวง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 141968 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 722.80 ล้านกิโลเมตร
ดาวยูเรนัส เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 7 นิยมเรียกว่า “ ดาวมฤตยู” มีดวงจันทร์ 5 ดวง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 52096 กิโลเมตร อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 2852.8 ล้านกิโลเมตร
ระบบสุริยะจักรวาล
ภาพแสดงดาวเคราะห์และดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ
โดยย่อขนาดของดาวตามอัตราส่วนจริง แต่ระยะห่างระหว่างดาวไม่ใช่อัตราส่วนจริง
http://th.wikipedia.org/wiki/
ระบบสุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็ นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็ นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอืออำนวย ต่อการด ารงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ ้น บนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรือ บริวารของดาวเคราะห์เองที่ เรียกว่าดวงจันทร์ (Satellite) นักดาราศาสตร์เชื่อว่าในบรรดาดาวฤกษ์ทั้งหมดกว่าแสนล้านดวงในกาแลกซี่ทางช้างเผือกต้องมีระบบสุริยะที่เอืออำนวยชีวิตอย่าง ระบบสุริยะที่โลกของเราเป็ นบริวารอยู่อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะท าได้ถึง ที่โลกของเราอยู่เป็ นระบบที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาวนพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามล าดับ จากในสุด คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลกดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)




